กลไกการหมุนที่สอดคล้อง
ปรากฎการณ์ที่เราเห็นเพียงด้านเดียวของดวงจันทร์ตลอดกาลนั้น เกิดจากการที่ดวงจันทร์ใช้เวลาในการหมุนรอบตัวเองเท่ากับเวลาที่ใช้โคจรรอบโลกพอดี คือประมาณ 27.3 วัน ปรากฏการณ์นี้เรียกว่า "การหมุนสอดคล้อง" หรือ Synchronous Rotation เป็นผลมาจากแรงโน้มถ่วงระหว่างโลกและดวงจันทร์ที่ทำให้ดวงจันทร์ค่อยๆ ปรับการหมุนจนสมดุลในตำแหน่งนี้
พื้นผิวที่แตกต่าง
ด้านที่เราเห็นจากโลกมีลักษณะเด่นคือมีบริเวณสีเข้มที่เรียกว่า "ทะเลดวงจันทร์" (Lunar Maria) ซึ่งเป็นที่ราบลาวาโบราณ สลับกับบริเวณสีอ่อนที่เป็นที่ราบสูงและภูเขา ในขณะที่ด้านไกล หรือที่เรียกผิดๆ ว่า "ด้านมืด" นั้น มีพื้นผิวขรุขระกว่า มีหลุมอุกกาบาตมากกว่า และมีทะเลดวงจันทร์น้อยกว่ามาก ทำให้มีลักษณะที่แตกต่างอย่างชัดเจน
การค้นพบประวัติศาสตร์
มนุษย์ได้เห็นด้านไกลของดวงจันทร์เป็นครั้งแรกในปี 1959 เมื่อยานอวกาศลูนา 3 ของสหภาพโซเวียตถ่ายภาพส่งกลับมายังโลก การค้นพบนี้เป็นก้าวสำคัญในการศึกษาดวงจันทร์ และต่อมาในปี 1968 นักบินอวกาศในภารกิจอพอลโล 8 ก็ได้เป็นมนุษย์กลุ่มแรกที่ได้เห็นด้านไกลของดวงจันทร์ด้วยตาตนเอง ขณะโคจรรอบดวงจันทร์
ความสำคัญทางดาราศาสตร์
การที่ดวงจันทร์หันด้านเดียวเข้าหาโลกตลอดเวลา ทำให้นักดาราศาสตร์สามารถศึกษาพื้นผิวด้านที่เห็นได้อย่างละเอียด และใช้เป็นจุดอ้างอิงในการศึกษาการก่อตัวของระบบสุริยะ นอกจากนี้ ด้านไกลของดวงจันทร์ยังเป็นสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับการตั้งหอดูดาว เนื่องจากปราศจากคลื่นวิทยุรบกวนจากโลก ทำให้สามารถสังเกตการณ์อวกาศได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น Shutdown123
Comments on “ดวงจันทร์ ด้านเดียวที่โลกเห็น”